Last updated: 12 Feb 2019 |
Chris Helder เป็นนักเขียน Bestseller และนักพูดมืออาชีพด้านการสื่อสารและการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ โดยมีอิทธิพลและช่วยให้ผู้คนหลายพันคนทั่วโลกสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเอง หนังสือ Useful Belief ของเขา (ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 2015 โดยสำนักพิมพ์ Wiley) เป็นหนังสือแนวธุรกิจที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งในตลาดหนังสือออสเตรเลีย
หนังสือ Cut the Noise: Better Results, Less Guilt เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้คนในยุคปัจจุบันที่อยู่ท่ามกลางการถาโถมเข้ามาของข้อมูลข่าวสารในทุกช่องทาง ทำให้เกิดเสียงรบกวน หรือคลื่นรบกวนในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนังสือเล่มนี้แนะนำวิธีการในการจัดการกับความคาดหวังที่จะต้องสมบูรณ์แบบ ความรู้สึกผิดเมื่อความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง และวิธีการที่จะนำไปสู่การมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม (ไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ)
การนำเสนอ
หนังสือเล่มนี้มีความยาวเพียงหนึ่งร้อยหน้าเศษๆ เขียนด้วยภาษาอังกฤษที่อ่านง่ายชัดเจน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยนำเสนอแนวคิดหลักอย่างน่าสนใจด้วยการเล่าเรื่องก่อน แล้วจึงสรุปแนวคิดหลักที่ท้ายบทของแต่ละบทอีกครั้ง ทั้งนี้ เรื่องที่เล่าก็ชวนให้ติดตาม
ข้อคิด
ในยุคปัจจุบันข้อมูลข่าวสารถาโถมเข้ามาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้คนต่างแสดงภาพที่ดีที่สุดของตัวเองทางโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดแรงกดดันด้านความคาดหวังในทุกพื้นที่ของชีวิต ว่าต้องสมบูรณ์แบบในทุกบทบาท เช่น เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ เป็นพนักงานที่สมบูรณ์แบบ เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ป่วยไม่แก่ เป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบ เป็นต้น
แต่เมื่อความสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างชีวิตการงานกับชีวิตครอบครัว/ส่วนตัว ไม่มีอยู่จริง ก็จะเกิดคลื่นเสียงรบกวนในใจทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง และรู้สึกผิด เช่น ในเวลาที่กำลังออกกำลังกายอยู่ กลับรู้สึกผิดคิดถึงงานที่ต้องทำ ในขณะที่ทำงาน กลับรู้สึกผิดว่าควรต้องออกกำลังกาย เป็นต้น
หนังสือให้คำแนะนำที่ทำได้จริงเกี่ยวกับการจัดการกับความรู้สึกผิด หรือคลื่นเสียงรบกวนในใจ ซึ่งนอกจากทำให้เราเสียสมาธิ ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เราก้าวไปข้างหน้า เมื่อจัดการกับคลื่นรบกวนได้แล้ว เราก็จะสามารถโฟกัสหรือมุ่งมั่นทำสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจะพาเราไปสู่เป้าหมาย
หนังสือชี้ชัดว่า ‘ความต้องการที่จะสมบูรณ์แบบเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เรามีชีวิตที่ยอดเยี่ยม’ (‘The desire for perfection gets in the way of an outstanding life.‘) และความเป็นจริงย่อมต้องดีกว่าความสมบูรณ์แบบ
เทคนิคที่ผู้เขียนแนะนำให้ใช้จัดการกับความรู้สึกภายใน คือการมีสติรับรู้ความรู้สึกที่รบกวนใจ (awareness/consciousness) ให้เวลากับมันเล็กน้อย (10 วินาที) แล้วไปต่อ
เราจำเป็นต้องชัดเจนว่าสิ่งใดสำคัญสำหรับเรา Helder เรียกสิ่งที่สำคัญในชีวิตว่า Circles of importance ซึ่งโดยปกติจะประกอบด้วย การงาน ครอบครัว เพื่อน สุขภาพ ชุมชน และเวลาส่วนตัว อะไรที่สำคัญสำหรับเราให้วาดวงกลมไว้ วงกลมเหล่านี้จะช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญว่าเราจะโฟกัสไปที่ใดและใช้เวลาของเราไปกับการทำสิ่งใด
หนังสือให้ความสำคัญกับการมีระบบความเชื่อที่เป็นประโยชน์ เช่น การหมั่นตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดที่ฉันสามารถทำในวันนี้ ซึ่งจะพาฉันไปสู่เป้าหมาย? สำหรับ Helder ‘การคิดบวกไม่เวิร์ค’ เพราะหากแสร้งว่า วันนี้จะเป็นวันดี แต่พอผ่านไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เกิดรู้สึกว่าวันนี้ไม่ดีแล้ว ก็จะยิ่งรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเอง
โดยสรุป หนังสือเล่มนี้น่าอ่าน และจะช่วยให้เราสามารถ 'ตัด' สิ่งไม่เป็นประโยชน์ออกไปจากชีวิต โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญ และใช้เวลาในชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ ☺
โดยทีมงาน Six Facets Press